สถาปัตยกรรมอินเดีย
สถาปัตยกรรมอินเดีย หมายถึงสถาปัตยกรรมที่พบในประเทศอินเดียปัจจุบัน หยั่งรากมาจากประวัติศาสตร์ของชาติอินเดีย, วัฒนธรรมอินเดีย และ ศาสนาที่เกิดขึ้นในอินเดีย ซึ่งมีการวิวัฒนาการและพัฒนา แตกต่างกันไปตามยุคสมัยและพื้นที่ ได้รับอิทธิพลจากภายนอกในแต่ละยุค ทั้ง กรีก, โรมัน, เปอร์เซีย และ อิสลาม ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมยุคก่อน ๆ และงานศิลปะที่อุทิศเพื่อกษัตริย์และศาสนาอย่างลงตัว
- ยุคอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ (3300 ปีก่อน ค.ศ. – 1700 ปีก่อน ค.ศ.)
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุครอบคุลมพื้นที่ขนาดใหญ่ล้อมรอบแม่น้ำสินธุและบริเวณโดยรอบ ในยุคที่อารยธรรมเจริญรุ่งเรืองมาก (2600–1900 BCE) ได้กำเนิดเมืองจำนวนหนึ่งที่มีความเป็นแบบแผนเดียวกัน ได้แก่ ฮารัปปา, โลธัล และ โมเหนโจ-ดาโร หนึ่งในแหล่งมรดกโลก การวางผังเมืองและการวิศวกรรมของเมืองเหล่านี้น่าสนใจมาก ในขณะที่การออกแบบอาคารต่าง ๆ นั้นยังเป็นแบบ "ยึดประโยชน์ใช้สอยเป็นสำคัญ" (utilitarian) กล่าวคือไม่ค่อยมีการประดิดประดอยหรือตกแต่งให้สวยงามวิจิตร จากหลักฐานพบยุ้งฉาง, ระบบชลประทานและท่อน้ำ, ที่เก็บน้ำ แต่ยังไม่สามารถระบุว่าพบสิ่งก่อสร้างที่เป็นปราสาทหรือศาสนสถานได้ บางเมืองพบการสร้างป้อมปราการ "citadel"[3] นอกจากนี้ยังพบบ่อน้ำอันนำมาสู่การสร้างบ่อน้ำขั้นบันได (stepwell)[4] ในแค่ส่วนหนึ่งของเมืองอาจพบได้มากถึง 700 บ่อ นักวิชาการบางคนจึงเชื่อว่าอารยธรรมฯ นี้เป็นผู้คิดค้นการขุดบ่อน้ำอิฐทรงกระบอก (cylindrical brick lined wells)[4]
การตกแต่งเชิงสถาปัตยกรรมนั้นพบได้น้อยมาก ถึงแม้จะพบ "รูเล็ก ๆ " ในผนังบางตึกก็ตาม งานศิลปะส่วนมากที่พบทำมาจากดินเผา (terracotta) และมีขนาดเล็กจิ๋ว เช่น พวกตราหรือโล่ต่าง ๆ ส่วนรูปปั้นขนาดใหญ่โตนั้นแทบไม่พบเลย ส่วนมากแล้วการก่อสร้างด้วยอิฐนั้นทำมาจากอิฐแบบเผาไฟ ซึ่งต่างกับอีกอารยธรรมใกล้เคียงกันคือเมโสโปเตเมีย ที่ใช้อิฐชนิดผึ่งแดด น้อยมากที่จะสร้างด้วยหิน เช่นใน ธลวีระ (Dholavira) บ้านเรือนส่วนใหญ่มีสองชั้น มีขนาดและแปลนที่เหมือน ๆ กันเมืองใหญ่ ๆ นั้นลดลงอย่างรวดเร็วตามลำดับโดยไม่รู้สาเหตุ เหลือไว้แต่เพียงซากหมู่บ้านและวัฒนธรรมที่ซับซ้อนน้อยกว่าให้ชม
ทัชมาฮาล หรือ ตาชมหัล (Taj Mahal; /ˌtɑːdʒ məˈhɑːl, ˌtɑːʒ-/; แปลว่า มงกุฏของวัง, [taːdʒ ˈmɛːɦ(ə)l]) เป็นอาคารฝังศพสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวงาช้าง ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำทางใต้ของแม่น้ำยมุนา ในเมืองอัคระ รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ทัชมาฮาลเริ่มสร้างขึ้นในปี 1632 โดยจักรพรรดิโมกุล จักรพรรดิชาห์ชะฮัน (ครองราชย์ 1628 ถึง 1658) เพื่อตั้งศพของพระสนมเอก มุมตาช มหัล และเป็นที่ตั้งพระศพของจักรพรรดิชาห์ชะฮันเอง ทัชมาฮาลประกอบด้วยตัวอาคารสุสาน, มัสยิด และเกสต์เฮาส์ รายล้อมด้วยสวน การก่อสร้างทัชมาฮาลสำเร็จสมบูรณ์ในปี 1643 แต่มีการก่อสร้างในเฟสอื่น ๆ ของโครงการที่ดำเนินต่อไปอีกกว่า 10 ปี
ทัชมาฮาลได้รับสถานะเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกในปี 1983 ในฐานะ "เพชรน้ำเอกของศิลปะมุสลิมในอินเดีย และเป็นหนึ่งในงานชิ้นเอกที่ได้รับการชื่นชมในระดับสากล" และได้รับการยกย่องโดยหลายบุคคลให้เป็นผลงานชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมโมกุล และสัญลักษณ์ของประวัติศาสตร์อินเดียอันร่ำรวย ทัชมาฮาลมีผู้เดินทาวมาเยี่ยมเยียนราว 7–8 ล้านคนต่อปีในปี 2007
รังกนาตจุวามิโกยิล (ทมิฬ: அரங்கநாத சுவாமி கோயில்) เป็นโกยิลที่สร้างถวายพระศรีรังคนาถ คือปางไสยาสน์ของพระวิษณุ โกยิลนี้สร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมทราวิฑ ตั้งอยู่ในเมืองติรุวรังกัม เขตติรุจจิราปปัฬฬิ รัฐทมิฬนาฑู ประเทศอินเดีย และโกยิลได้รับการเชิดชูโดยนักบวชอาฬวาร (Alvar) ใน ทิพยประพันธ์ (Divya Prabhandha) และถือเป็นโกยิลสำคัญใน 108 โบสถ์พราหมณ์ "ทิพยเทศ" ที่สร้างถวายพระวิษณุ
โกยิลนี้ถือเป็นโกยิลไวษณพที่มีสีสันฉูดฉาดและงดงามที่สุดในอินเดียใต้ โกยิลนี้ยังมีส่วนสำคัญยิ่งในประวัติของลัทธิไวษณพ เริ่มจากงานของรามานุชะ และนาถมุนีและยมุนาจารย์ซึ่งมาก่อนหน้าในติรุวรังกัม สถานที่ตั้งซึ่งอยู่บนเกาะระหว่างแม่น้ำกลลิทัม และแม่น้ำกาเวรี นั้นทำให้ประสบกับอุทกภัยได้ง่าย รวมทั้งทำให้ง่ายต่อการรุกรานและเปลี่ยนเป็นค่ายทหาร โกยิลเคยถูกทำลายและปล้นชิงของมีค่าไปโดยกองทัพของรัฐสุลต่านเดลีซึ่งบุกเข้าโจมตีและทำลายล้างอาณาจักรปันทยะ (Pandya) เมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 14 และโกยิลก็ถูกสร้างขึ้นใหม่อีกในปลายคริสต์ศตวรรษเดียวกัน โกยิลได้รับการสร้างให้แข็งแรงขึ้น ป้องกันมากขึ้น และสร้างโคปุรัมจำนวนมาก ขยายอาณาเขตของโกยิลมากในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 16 และ 17 โกยิลนี้เคยเป็นหนึ่งในจุดศูนย์กลางสำคัญของขบวนการภักติ ร่วมไปกับการร่ายรำและขับร้อง
อาณาเขตของติรุวรังกัมโกยิลคือ 155 เอเคอร์ มีศาลเจ้า 81 ศาล, หอและโคปุรัม 21 หอ, ศาลาและมณฑป 39 หลัง และแท็งก์น้ำจำนวนอีกมากมายที่ประกอบเข้ากับระบบไขน้ำและอนุชลประทานที่ซับซ้อนของโกยิล โกยิลนี้ในปัจจุบันถือว่าเป็นโบสถ์พราหมณ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังคงมีการใช้ประกอบศาสนพิธีเป็นนิจอยู่และถือเป็นแหล่งสำคัญของสถาปัตยกรรมทราวิฑดั้งเดิมที่ซับซ้อนและงดงามอย่างมีเสน่ห์